• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 


มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง นับว่าเป็นต้นกำลังที่สำคัญมากอย่างหนึ่งของโรงงานอุตสาหกรรมในขณะนี้ !!

Started by www.SeoNo1.co.th, Sep 15, 2025, 05:32 PM

Previous topic - Next topic

www.SeoNo1.co.th

 มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงนับว่าเป็นต้นกำลังที่สำคัญมากอย่างหนึ่งของโรงงานอุตสาหกรรมในขณะนี้



ข้อดีหลักๆของมอเตอร์ประเภทนี้เป็นสามารถปรับความเร็วได้ตั้งแต่ระดับค่อนข้างต่ำสุดไปจนสูงสุดโดยมักใช้กับระบบอุตสาหกรรม อย่างเช่น โรงงานทอผ้า, โรงงานถลุงโลหะ, โรงงานเส้นใยโพลีเอสเตอร์ ทั้งนี้ก่อนที่จะไปกระทำการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าจำพวกนี้ พวกเราจำเป็นที่จะต้องรู้จักกับวัสดุอุปกรณ์ต่างๆรวมทั้งแนวทางการทำงานให้ถูกหลักด้วยเพื่อจะได้เลือกใช้งานได้อย่างแม่นยำ

ส่วนประกอบของ มอเตอร์กระแสไฟฟ้า กระแสตรง

1. เฟรมหรือโยค (Frame or Yoke) : เป็นโครงข้างนอกเปรียบได้ดั่ง มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ทางเท้าของแม่เหล็กจากขั้วเหนือไปขั้วใต้ ช่วยยึดองค์ประกอบอื่นๆให้แข็งแรง

2. ขั้วแม่เหล็ก : จะมี 2 ส่วน เป็นแกนขั้วแม่เหล็กกับขดลวดสนามแม่เหล็ก

3. ตัวหมุน (Rotor) : จะก่อให้เกิดกำลัง ลักษณะมีแกนวางอยู่ตรงกระสุนปืน ประกอบไปด้วย 4 ส่วนหลักๆคือ แกนเพลา, แกนเหล็กอเมเจอร์, คอมไม่วเตเตอร์ และก็ขดลวดอเมเจอร์

4. แปรงถ่าน : ทำจากคาร์บอนทรงสี่เหลียมผืนผ้า จะต้องสัมผัสกับซีคอมมิวเตเตอร์ตลอดระยะเวลาเพื่อรับกระแสไฟพร้อมส่งระหว่างขดลวดอเมเจอร์กับวงจรไฟฟ้าด้านนอก

รูปแบบการทำงานเบื้องต้นของ มอเตอร์ไฟฟ้า กระแสไฟตรง

พอแรงดันไฟฟ้าเข้าไปยังมอเตอร์ ส่วนหนึ่งส่วนใดจะเข้าแปรงถ่านผ่านคอมไม่วเตเตอร์ต่อเข้าไปยังขดลวดอเมเจอร์เพื่อสร้างสนามไฟฟ้าขึ้นมา เวลาที่กระแสไฟฟ้าอีกส่วนจะไหลไปยังขดลวดสนามไฟฟ้า  มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง เกิดเป็นขั้วเหนือ-ขั้วใต้ กระตุ้นให้เกิดสนามแม่เหล็ก 2 สนาม โดยคุณลักษณะของแม่เหล็กทิศทางตรงกันข้ามจะลบล้างกัน ส่วนแนวทางเดียวกันเสริมแรงกันกำเนิดเป็นแรงบิดในตัวอเมเจอร์หมุนได้เรียกว่าตัวหมุนหรือ Rotor ด้วยแม่เหล็กทั้งสองที่เกิดปฏิกิริยาต่อกัน ทำให้การหมุนดังที่กล่าวถึงแล้วเกิดขึ้น เพื่อทำให้มอเตอร์กระแสไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสตรง สามารถใช้งานได้นั่นเอง

มอเตอร์กระแสไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส

เป็นมอเตอร์ยอดนิยมมากในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ใช้กับระบบไฟกระแสสลับ การใช้งานเบื้องต้นคือเปลี่ยนกำลังไฟฟ้าให้เปลี่ยนเป็นพลังงานมายากล ส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าคือขดลวดในสเตเตอร์ เมื่อได้รับกำลังไฟฟ้าก็จะสร้างสนามแม่เหล็กขึ้น และจะไปกระตุ้นให้เกิดการเหนี่ยวนำของกระแสไฟฟ้าขึ้นในขดลวดของโรเตอร์ หรือ เรียกว่าตัวหมุน ซึ่งคือส่วนที่ปฏิบัติภารกิจให้พลังงานกลนั่นเอง ก็เลยทำให้มีการเรียกมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับว่ามอเตอร์เหนี่ยวนำ

สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดเป็น

1. มอเตอร์ไฟฟ้า กระแสสลับแบบอินดักชั่น หรือ รั้งนำ– จะมีความเร็วพร้อมรอบคงที่ เนื่องจากว่าขึ้นอยู่กับความถี่ของต้นตอกระแสไฟฟ้า องค์ประกอบไม่ค่อยสลับซับซ้อน ราคาไม่แพง ทะนุบำรุงง่ายเนื่องจากไม่มีคอมมิวเตเตอร์กับแปรงถ่านเหมือนมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องควบคุมความเร็วอินเวอร์เตอร์ก็จะสามารถคุมความเร็วได้ตั้งแต่0 ถึง ความเร็วสูงสุดของมอเตอร์
ด้านในประกอบไปด้วยโรเตอร์, ขดลวดสนามแม่เหล็ก, มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง โครงมอเตอร์, ขั้วต่อสาย, ฝาครอบหัว, ฝาครอบท้าย สามารถแบ่งออกเป็น 2 จำพวกหลักๆอย่างเช่น อินดิกชั่นมอเตอร์แบบทรงกระรอกกับอินดิกชั่นมอเตอร์แบบขดลวด การใช้แรงงานขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของเครื่องจักร

2. มอเตอร์ไฟฟ้า กระแสสลับแบบซิงวัวรนัส– จะเป็นมอเตอร์ขนาดใหญ่ขนาดพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ 150 KW ไปจนกระทั่ง 15 MW ระดับความเร็วตั้งแต่ 150 – 1,800 RPM มีส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วนเป็น

- สเตเตอร์ (Stator) จะเป็นราวกับแบบอินดักชั่น มีร่องพันขดลวด 3 ชุด เฟสละ 1 ชุด เพียงพอจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสให้สเตเตอร์จะเกิดสนามแม่เหล็กหมุนขึ้นมา
- โรเตอร์ (Rotor) ลักษณะเป็นขั้วแม่เหล็กยื่น ขดลวดพันด้านข้างขั้วแม่เหล็กที่ยื่นออกมาโดยจะพันยื่นต่อกับแหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงภายนอกไม่ก็สร้างขั้วแม่เหล็กตรงโรเจอร์ เมื่อมีการจ่ายกระแสไฟมายังสเตเตอร์จะเกิดเป็นสนามแม่เหล็กหมุนความเร็วเท่ากับความเร็วของสนามไฟฟ้า  มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ตรงสเตเตอร์นั่นเอง

สอบถามและอ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://fms.co.th/ชวนทำความรู้จักกับมอเต/